Blade นั้นใครเห็นอดที่หลงไหลไม่ได้ เห็นแล้วน้ำลายหก แต่ตีทีไรน้ำตาตกในทุกทีเมื่อมาดูโปรมือ Top 20 ของโลกมีใครใช้บ้างคงพอจะนึกกันออกใช่ไหมครับ ทุกบริษัทมีความพยายามที่จะทำให้มันตีง่าย ขยาย Sweet spot 10-15 เปอร์เซ็นต์ให้ใหญ่ขึ้น แต่ก็ยังคงให้ลักษณะใบที่บางและสามารถแต่งซ็อตได้เหมือนเดิม
Golf Laboratories Inc. ที่ San Diego ได้มีการทดสอบเปรียบเทียบ Bridgestone J36 Blade กับ J36 Cavity Back โดยใช้เหล็ก 6 ในการทดสอบใช้หุ่นยนต์กับความเร็วหัวไม้ที่ 90 Mph โดยการตีนั้น ตีจำนวน 10 จุดในบริเวณที่ต่างกันของหน้าใบเหล็ก
เมื่อตีโดนเต็ม Sweet spot เหล็ก Blade ตีได้ไกลกว่า Cavity Back อยู่ที่ 2 หลา ด้วยน้ำหนักใบที่หนักกว่า Cavity Back 3.4 กรัม ให้วิถีลูกต่ำกว่าครึ่งองศาและสปินมากขึ้น 300 รอบต่อนาที
แต่เมื่อตีไม่เข้า Sweet spot ที่ตำแหน่งเดียวกัน Blade ระยะหายไป 7 หลา ส่วน Cavity Back นั้นหายไปแค่ 3 หลา
จากข้อมูลตำแหน่งที่ตีพลาด Sweet spot ทั้ง Blade และ Cavity Back แล้วยังให้ระยะที่ดีอยู่นั้นคือตำแหน่งที่พลาดมาทาง Heel (คือบริเวณค่อนมาทางคอ)
Blade นั้นตอบสนองความรู้สึกได้ดีกว่า Cavity Back เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ Impact เมื่อโดน Sweet spot นั้นนุ่มกว่า Cavity Back เยอะมาก มันจึงทำให้หลายคนติดใจ แทบจะไม่อยากจะเปลี่ยนไปใช้ใบชนิดอื่น
Cavity Back ช่วยในเรื่องของ Forgivenees ถึงแม้จะตีพลาด Sweet spot ระยะก็ยังหายน้อยกว่า Blade ตัวเลขข้างบนนั้นแค่ความเร็วหัวไม้แค่ 90 MPH
คำถามที่ตามมาคือคุณต้องมีฝีมือดีก่อนถึงจะใช้มันได้หรือมีฝีมือดีโดยการใช้ Blade
คำตอบอยู่ที่ตัวท่านเองการว่าต้องการแบบไหน เพื่อนผมบางคนยังใช้ Blade อยู่เลยทั้งที่สกอร์เกินร้อยและความเร็วหัวไม้ก็เกินร้อยเพราะตีแล้วมันส์มากนั่นคือคำตอบ สกอร์ค่อยว่ากันทีหลัง
โดยส่วนตัวผมแล้ว Blade นั้นผมชอบแค่ 7-Pw เท่านั้นเอง ส่วนที่เหลือก็ต้องเป็น Cavity Back เพราะมันตีง่ายขึ้นในเหล็กยาว แต่การใช้ Blade เมื่อเปลี่ยนไปใช้ Cavity Back นั้นแสนจะง่าย อย่าเชื่อจงหาลองด้วยตัวเองแล้วจะรู้ว่ามันยากจริงๆ ครับ
อ่านเพิ่มเติม Callaway Tour Authentic X Prototype Project X 5.5 Flighted Spec Check , Mizuno MP 58 Project X 5.0 Spec Check
No comments:
Post a Comment